“คาร์มาร์ท” หรือ KARMART ได้พันธมิตรใหม่ กลุ่มมารุเบนิ จากญี่ปุ่น และกลุ่มควอดริก้า ร่วมผลักดันแผนธุรกิจ 3 ปี สู่เป้าหมายทำรายได้รวม 4,000 ล้าน เดินหน้าเพิ่มสัดส่วนตลาดต่างประเทศเป็น 15% พร้อมสร้างโอกาสทางการตลาด ทั้งเพิ่มแบรนด์สินค้าเติมพอร์ต การซื้อกิจการ รับจ้างผลิตสินค้า ขณะที่ปี 2566 คาดรายได้โตแบบออร์แกนิก ทำรายได้ 2,400 ล้าน
นายวงศ์วิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล กรรมการบริษัท กรรมการบริหารและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ KARMART ผู้นำเข้า ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ความงาม อาหารเสริม และของใช้ส่วนบุคคล เปิดเผยว่า ตามแผนการดำเนินธุรกิจในระยะ 3 ปีนับจากนี้ บริษัทฯ วางเป้าหมายสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีรายได้รวม 4,000 ล้านบาท โดยรายได้หลักจะมาจากตลาดในประเทศสัดส่วน 85% ขณะเดียวกันยังวางแผนสร้างรายได้ จากการขยายตลาดในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ด้วยการเพิ่มสัดส่วนรายได้ขึ้นเป็น 15% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 11%
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีการส่งออกสินค้าไปทำตลาดในต่างประเทศมานานกว่า 10 ปีแล้ว ผ่านพันธมิตร คู่ค้า และตัวแทนจำหน่ายในประเทศต่าง ๆ ซึ่งทำตลาดหลักใน 19 ประเทศ ได้แก่ กลุ่มประเทศอาเซียน อาทิ เมียนมา เวียดนาม สปป.ลาว กัมพูชา มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง อาทิ อิรัก คูเวต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมถึงประเทศในต่าง ๆ เอเชีย อาทิ จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น และบังคลาเทศ เป็นต้น
ล่าสุด บริษัทฯ ได้พันธมิตรทางธุรกิจ รายใหญ่มาร่วมทุน เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง และศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้กับบริษัทฯ รวมถึงช่วยผลักดันและขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศ ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้ ได้แก่ Wellsiam Company Limited บริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ในประเทศไทยถือหุ้น 100% โดยบริษัท มารุเบนิ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Marubeni Corporation) จากประเทศญี่ปุ่น และ QPE Fund 1 Limited ซึ่งเป็นบริษัทที่ก่อตั้งใหม่ในเขตดูแลพิเศษประเทศฮ่องกง ถือหุ้น 100% โดยบริษัท ควอดริก้า ไพรเวต เอควิตี้ จำกัด
สำหรับกลุ่มบริษัทมารุเบนิ ถือเป็นบริษัทเก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่น ดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 100 ปี มีธุรกิจสำคัญ อาทิ ธุรกิจเทรดดิ้ง การนำเข้า ส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภค ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจการขนส่งสินค้า ส่วนกลุ่มบริษัท ควอดริก้า ไพรเวต เอควิตี้ เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุน การควบรวมกิจการ
“การได้พันธมิตรใหม่เข้ามาร่วมทุนในครั้งนี้ มีโอกาสความเป็นไปได้ที่บริษัทฯ จะทำรายได้ตามเป้าหมายเร็วกว่ากำหนดที่วางไว้ รวมถึงการขยายตลาดในประเทศใหม่ ๆ ได้เพิ่มมากขึ้น จากเครือข่ายทางธุรกิจของพันธมิตร ซึ่งอนาคตอาจจะขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศตะวันตกได้ด้วย”นายวงศ์วิวัฒน์ กล่าวและว่า
ด้วยศักยภาพและความเชี่ยวชาญของพันธมิตรดังกล่าว จะส่งผลให้บริษัทฯ มีโอกาสในการขยายธุรกิจด้วยการเข้าซื้อกิจการ การร่วมทุน หรือการ M&A (Mergers and Acquisitions) รวมถึงการจับมือกับเจ้าของแบรนด์สินค้ากลุ่มเครื่องสำอางและความงามที่มีศักยภาพ ในการทำธุรกิจรวมกัน ด้วยความร่วมมือในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การซื้อกิจการทั้งหมด หรือบางส่วน การพัฒนาแบรนด์ร่วมกัน ในกลุ่มสินค้าที่บริษัทฯ ยังไม่มี เพื่อเติมพอร์ตสินค้าให้ครบถ้วนสมบูรณ์ นอกจากนี้ อาจเป็นการร่วมมือกันในด้านการผลิตสินค้า การรับจ้างผลิตสินค้า (OEM) เนื่องจากบริษัทฯ มีโรงงานเป็นของตนเอง ซึ่งมีศักยภาพ สามารถผลิตสินค้าได้หลากหลายชนิด และมีมาตรฐานระดับสากลเป็นที่ยอมรับ
“พันธมิตรของบริษัทฯ โดยเฉพาะจากประเทศญี่ปุ่น เขามีธุรกิจหลายประเภท และมีบริษัทย่อยอยู่ในหลายประเทศ รวมถึงมีคู่ค้าหรือตัวแทนจำหน่ายในประเทศต่าง ๆ มากมาย จึงเป็นจุดสำคัญในการสร้างโอกาสขยายตลาด สร้างพันธมิตรใหม่ ๆ ให้กับบริษัทฯ ได้ด้วย”นายวงศ์วิวัฒน์ กล่าวและว่า
สำหรับแผนธุรกิจและแนวทางการทำงาน ระหว่างบริษัทฯ และพันธมิตร คาดว่าจะเห็นชัดเจนได้ในปีหน้า เนื่องจากปัจจุบันอยู่ระหว่างการวางแผนงานร่วมกัน โดยในปีนี้การเติบโตของบริษัทฯ เป็นการเติบโตแบบออร์แกนิก ด้วยศักยภาพและแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ อาทิ การขยายตลาดออนไลน์และออนไลน์ การเพิ่มแบรนด์สินค้าใหม่ การขยายสาขาร้าน KARMART ในรูปแบบ Flagship Store และการทำตลาดต่างประเทศ
“ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ 2,400 ล้านบาท มาจากตลาดต่างประเทศ 270-280 ล้านบาท เติบโตประมาณ 20-25% แบบออร์แกนิกจากปีที่ผ่านมา” นายวงศ์วิวัฒน์ กล่าวในตอนท้าย
###
No comments:
Post a Comment