กรมควบคุมโรค ย้ำฉีดวัคซีนฟรี เมื่อโควิด 19 กลายเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง - Go Ahead News

Go Ahead News

ก้าวไปข้างหน้ากับเรา

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Sunday, October 2, 2022

กรมควบคุมโรค ย้ำฉีดวัคซีนฟรี เมื่อโควิด 19 กลายเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เผยมาตรการป้องกันโรคเมื่อโควิด 19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 แล้ว อธิบดีกรมควบคุมโรค ย้ำผู้ป่วยที่เสียชีวิตมากกว่าครึ่งไม่ได้รับวัคซีนและอายุเกิน 60 ปี เน้นย้ำลูกหลานนำผู้สูงอายุไปรับวัคซีนโดยเร็ว 


วันนี้ (3 ตุลาคม 2565) นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด 19 ที่กำหนดเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังในประเทศไทย มีแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโควิดลดลง พบว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้เสียชีวิตยังไม่เคยได้รับวัคซีน ย้ำลูกหลานนำผู้สูงอายุรับวัคซีนป้องกันการเสียชีวิตและเพิ่มความปลอดภัยในครอบครัว


นายแพทย์ธเรศ กล่าวว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นมา โรคโควิด 19 ได้เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 ซึ่งกำหนดให้มีการรายงานโรคเป็นรายสัปดาห์ ผ่านทางเว็บไซต์กรมควบคุมโรค โดยเริ่มรายงานวันที่ 3 ตุลาคม 2565 ซึ่งเป็นการรายงานตัวเลขผู้ป่วยและเสียชีวิตในสัปดาห์แรก ระหว่างวันที่ 25 กันยายน ถึง 1 ตุลาคม 2565 เป็นสัปดาห์ที่ 39 ของการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา จำนวนผู้ป่วยโควิดที่รักษาในโรงพยาบาล รวม 4,435 ราย (เฉลี่ยวันละ 634 ราย) จำนวนเสียชีวิตในสัปดาห์ที่ผ่านมา 65 ราย (เฉลี่ยวันละ 9 ราย) ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุ 54 ราย เท่ากับร้อยละ 83 และผู้เสียชีวิตช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เกินครึ่งเป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน จำนวน 36 ราย (ร้อยละ 55) และมีอีก 15 รายยังไม่ได้รับเข็มกระตุ้น (ร้อยละ 23) ดังนั้น ผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับวัคซีนตามเกณฑ์จะไม่ปลอดภัย อาจติดเชื้อเสียชีวิตได้ ย้ำเตือนให้ลูกหลานนำผู้สูงอายุในบ้านไปฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลของรัฐหรือ ศูนย์ฉีดวัคซีนในจังหวัด และหากเป็นผู้ป่วยติดบ้านหรือติดเตียง สามารถที่จะแจ้งให้ อสม.หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขไปฉีดวัคซีนให้ที่บ้าน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย


นายแพทย์ธเรศ กล่าวต่อว่า ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สังเกตพบว่า ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ส่วนใหญ่ยังคงสวมหน้ากากในสถานที่สาธารณะที่มีผู้คนแออัดจำนวนมาก ไม่มีรายงานการระบาดและ จำนวนผู้ป่วยไม่มีการเพิ่มขึ้นผิดปกติแต่อย่างไร ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขแนะนำแนวทางการป้องกันโควิดที่สมดุลกับวิถีชีวิตประชาชนในระยะที่เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง หากใครมีอาการติดเชื้อทางเดินหายใจต้องสวมหน้ากากอนามัยและตรวจ ATK ส่วนประชาชนทั่วไปแนะนำให้สวมหน้ากากเมื่อเข้าไปในสถานที่ผู้คนแออัด หรือพื้นที่ปิดอากาศไม่ถ่ายเท เช่น โรงพยาบาล สถานที่ดูแลผู้สูงอายุ/เด็กเล็ก เป็นต้น รวมถึงขนส่งสาธารณะที่มีผู้โดยสารหนาแน่น เช่น รถไฟฟ้า รถเมล์ ประชาชนทั่วไปที่ไม่มีอาการป่วยไม่ต้องตรวจ ATK แล้ว


สิ่งที่ต้องเน้นย้ำกับทุกคนคือ ในระยะที่ผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ยังมีมาตรการที่สำคัญ คือการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเสี่ยงสูงคือผู้สูงอายุที่เหลืออีก 1.9 ล้านคน ซึ่งเป็นประชากรกลุ่มที่เสี่ยงสูงสุดในเวลานี้ เพราะว่าไม่เคยได้วัคซีนแม้แต่เข็มเดียวและมักมีสุขภาพที่ไม่แข็งแรง ดังนั้น ถ้าติดเชื้อมีโอกาสเสียชีวิตได้มากกว่ากลุ่มอื่น รวมทั้งต้องเร่งรัดฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้กับกลุ่มเสี่ยงต่างๆ ให้ครอบคลุมมากที่สุด โดยเน้นมาตรการทางสังคมที่สมดุลกับชีวิตวิถีใหม่ สวมหน้ากากอนามัยในสถานที่เสี่ยง ล้างมือ เว้นระยะห่าง และการจัดการสภาวะแวดล้อมที่เสี่ยงให้มีการระบายอากาศที่ดี และส่งเสริมมาตรการการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ ย้ำตรวจ ATK เมื่อมีอาการป่วย และรักษาเร็วด้วยยาที่มีประสิทธิผล ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนมีความตระหนักในการป้องกันตนเองและผู้ใกล้ชิดในครอบครัวที่เป็นผู้สูงอายุอยู่ตลอดเวลา เพราะโควิดไม่ได้หายไปจากประเทศไทย และผู้สูงอายุยังไม่ปลอดภัยหากไม่ได้รับวัคซีนครบตามที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422 และ สามารถติดตามข้อมูลสถานการณ์ได้ที่เว็บไซต์กรมควบคุมโรค https://ddc.moph.go.th/covid19-dashboard/dashboard_week.html


****************

ข้อมูล : กองระบาดวิทยา/กองโรคติดต่อทั่วไป/สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ

วันที่ 3 ตุลาคม 2565


No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad