ตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ วันที่ 3 มีนาคม 2566 ประเทศไทยจะสิ้นสุดฤดูหนาวและเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อน ในวันที่ 5 มีนาคม 2566 โดยในตอนกลางวันพื้นที่ส่วนใหญ่บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศร้อนโดยทั่วไปอย่างต่อเนื่อง อุณหภูมิสูงสุดตั้งแต่ 35 องศาเซลเซียลขึ้นไป ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนได้เปลี่ยนเป็นลมตะวันออกเฉียงใต้หรือลมฝ่ายใต้พัดปกคลุมแทน ซึ่งเป็นการเข้าสู่ฤดูร้อนของประเทศไทย และคาดว่าฤดูร้อนจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 2566
นายคมกริช สาคริก ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง เปิดเผยว่า MEA ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ความสำคัญกับความมั่นคง ปลอดภัย ของระบบไฟฟ้า พร้อมใส่ใจต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมควบคู่กับความห่วงใยคุณภาพชีวิตของประชาชน จึงขอแนะนำให้ประชาชนหมั่นตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น สายไฟฟ้าจะต้องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ฉนวนไม่แตกกรอบ เปลี่ยนสี แผงเมนสวิตช์ จะต้องอยู่ในที่สภาพสมบูรณ์ ใต้แผงเมนสวิตช์ต้องปราศจากวัสดุที่สามารถเป็นเชื้อเพลิงได้ เช่น ผ้า กระดาษ น้ำมัน เป็นต้น อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ ต้องทำงานอย่างเป็นปกติ ควรตรวจสอบความสมบูรณ์ของสายไฟฟ้า ฉนวนของอุปกรณ์ เต้าเสียบไม่ชำรุด แตกร้าวและไม่ควรเสียบใช้งานเป็นระยะเวลานาน ต้องตรวจสอบความปลอดภัยหากชำรุดเสี่ยงเกิดอัคคีภัยได้ รวมไปถึงหากต้องออกไปนอกบ้าน หรือเข้านอน ควรปิดสวิตช์ถอดปลั๊กให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจร และยังเป็นการประหยัดค่าไฟฟ้าได้อีกทางหนึ่ง สำหรับบ้านหรือสำนักงานที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าในช่วงดังกล่าวควรปิดเมนเซอร์กิตเบรกเกอร์ เพื่อตัดกระแสไฟฟ้าทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย
ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นสายไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าของ MEA ชำรุด หรืออยู่ในสภาพที่ไม่ปลอดภัย สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ MEA ได้ทุกเขต หรือที่ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้า การไฟฟ้านครหลวง MEA Call Center 1130 รวมถึงสามารถแจ้งผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ได้แก่ MEA Smart Life Application ดาวน์โหลดฟรี คลิกhttps://onelink.to/measmartlife หรือช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้แก่ Facebook : การไฟฟ้านครหลวง MEA, Line: MEA Connect (@MEAthailand), Twitter: @mea_news รวมถึง MEA Call Center โทร 1130 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
#เตือนอัคคีภัย #ฤดูร้อน
#กรมอุตุนิยมวิทยา
#วิธีป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า
#MEA #การไฟฟ้านครหลวง
#พลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร
No comments:
Post a Comment