จากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ กรุงเทพมหานคร ขึ้นรถไฟความเร็วสูงซึ่งใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงถึงเวียงจันทร์ (รถไฟความเร็วสูงจะเปิดให้บริการในอีก 5 ปี ข้างหน้าหรือประมาณ พ.ศ.2569 ซึ่งปัจจุบันสามารถนั่งรถไฟธรรมดาไปได้ โดยสาเหตุของการก่อสร้างที่อาจจะไม่ทันใจเพราะ เป็นการก่อสร้างแบบส่งผ่านองค์ความรู้มาให้วิศวกรคนไทยเป็นผู้สร้าง ดังนั้น การก่อสร้างจะไม่ใช้ให้ฝ่ายจีนเป็นผู้สร้างอย่างเดียว แต่เป็นการที่สอนไปสร้างไป ซึ่งวิธีนี้อาจจะช้า แต่ มีผลดีในอนาคตคือ คนไทยจะสามารถสร้างได้โดยไม่ต้องพึ่งพาต่างชาติ)
รถไฟพาทุกท่านผ่านเมืองมรดกโลกอย่าง พระนครศรีอยุธยาตลอดสองข้างทางจะเห็นทุ่งนากว้างไกลสุดลูกหูลูกตาโดยเฉพาะฤดูเก็บเกี่ยว ท้องทุ่งสีทองช่างงดงามนัก จากทุ่งราบอู่ข้าวอู่น้ำภาคกลาง เราก็เข้าสู่ภาคอีสาน ผ่านมรดกทางธรรมชาติอย่างเขาใหญ่ ที่สถานีปากช่อง ผ่านเมืองใหญ่อย่าง นครราชสีมาและขอนแก่น หนองคาย ก่อนที่จะข้ามแม่น้ำโขงที่ สะพานมิตรภาพไทย -ลาว จากนั้นก็จะผ่านพรมแดนบริเวณท่านาแล้ง เวียงจันทร์ ผ่านวังเวียง เมืองมรดกโลก หลวงพระบาง และอีกเพียงไม่เกิน 8 ชั่วโมงก็เข้าถึงคุนหมิง
พักที่เมืองนี้ 1-2 คืนเพื่อเที่ยวในเมืองโดยรอบอาทิ
#ตำหนักจินเตี้ยน ตำหนักแห่งนี้ถูกสร้างในช่วงราชวงศ์หมิง ผู้คนมักจะมาที่นี่เพื่อกราบไหว้ขอพรในด้านสุขภาพและการเงินให้ประสบผลสำเร็จ นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่เก็บสะสมของโบราณล้ำค่ายุคสมัยก่อนไว้จนถึงทุกวันนี้
#ทะเลสาบชุ่ยหู เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่ถูกขนานนามว่า “สระมรกต” ตั้งอยู่ใจกลางเมืองคุนหมิงล้อมรอบด้วยบึงน้ำ และสวนสาธารณะ เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ
#อุทยานป่าหิน เป็นอีกสถานที่ชื่อดังของเมืองคุนหมิง ป่าหินโบราณที่มีอายุมากกว่า 300 ปี ซึ่งภายในเขตอุทยานป่าหินจะมีทั้งเสาหินปูนขนาดเล็ก ภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ และถ้ำหินปูนอยู่มากกว่า 100 ลูก นับว่าเป็นอุทยานหินปูนธรรมชาติที่หาดูได้ยากแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว
หลังจากนั้นเดินทางต่อโดย รถไฟความเร็วสูงคุนหมิง - กุ้ยหยางใช้เวลา 2 ชั่วโมง ตลอดระยะทางสามารถสัมผัสกับทัศนียภาพอันงดงามของเทือกเขา อุโมงค์ และชุมชนชาวพื้นเมืองตลอดสองข้างทาง จากกุ้ยหยาง รถไฟหัวกระสุนความเร็วสูงมุ่งสู่ เฉิงตู ระหว่างทาง ผ่านเมืองต่างๆ ในมณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) บุกฝ่าเส้นทางที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสลับซับซ้อน เพื่อมุ่งหน้าสู่นครเฉิงตู เมืองเอกของมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) โดยใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมง 58 นาที เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสลับซับซ้อน ทางรถไฟความยาว 648 กิโลเมตรสายนี้ จึงสร้างบนสะพานยกสูงและลอดอุโมงค์ราวร้อยละ 85
พักเฉิงตู 2-3 คืน เพื่อเที่ยวบริเวณโดยรอบเมืองอาทิ
#พระใหญ่เล่อซาน (Leshan Grand Buddha) พระพุทธรูปองค์ใหญ่ ณ หุบเขาเล่อซาน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปหินแกะสลักที่ใหญ่ที่สุดของโลก ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองเฉิงตู อยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองเล่อซาน สร้างขึ้นในช่วงราชวงศ์ถัง (ปี ค.ศ. 713-803) มีความสูง 71 เมตร ยาว 8.3 เมตร หลังเท้ากว้าง 9 เมตร และช่วงไหล่กว้าง 24 เมตร
#วัดวูเฮา (Wuhou Temple) วัดที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองเฉิงตู สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่จูกัดเหลียง (Zhuge Liang) หรือขงเบ้ง บุคคลสำคัญในยุคสามก๊ก (ค.ศ. 220-280) ตั้งอยู่ชานเมืองทางตอนใต้ของเมืองเฉิงตู ส่วนหลักของวัดวูเฮาถูกแบ่งออกเป็น 5 ส่วน ไล่ไปตั้งแต่ทางด้านใต้ขึ้นเหนือ คือส่วนของประตูทางเข้า, ประตูที่สอง, ส่วนจัดแสดงเกี่ยวกับเล่าปี่, บริเวณทางเดิน และส่วนจัดแสดงเกี่ยวกับขงเบ้ง
#ถนนโบราณจินหลี่ (Jinli Street)ถนนโบราณแห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของวัดวูเฮา ถูกบันทึกไว้ตั้งแต่ช่วงต้นราชวงศ์ฉิน (ปี ค.ศ. 221-206 ก่อนคริสตกาล) มีชื่อเสียงมากในเรื่องของการซื้อ-ขายผ้าเนื้อดี เป็นย่านการค้าที่รุ่งเรืองมากในช่วงอาณาจักร Shu (ปี ค.ศ. 221-263) และเพื่อเรียกคืนสู่ความรุ่งเรืองของถนนแห่งนี้อีกครั้ง จึงได้รับการบูรณะและเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าไปเที่ยวชมเมื่อปี ค.ศ. 2004
#ศูนย์วิจัยและเพาะเลี้ยงแพนด้า อยู่ห่างจากตัวเมืองเฉิงตูไปเพียง 6 กิโลเมตรเท่านั้น แถมยังมีสภาพแวดล้อมของธรรมชาติที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินชีวิตที่แท้จริงของแพนด้า เหมาะสมที่สุดในการที่จะเลี้ยงและทำการปรับปรุงพันธุ์เจ้าตัวอ้วนปุกปุยนี้ ตลอดจนการดูแลสัตว์ป่าหายาก เช่น นกกระสาคอดำ นกกระสาขาว แพนด้าเล็ก เป็นต้น
จากเฉิงตู นั่งรถไฟไปยัง ซีหนิง ใช้เวลา 10 ชม 13 นาที ซึ่งทิวทัศน์ตลอดระยะทาง เต็มไปด้วยป่าไม้ ภูเขาสูง โตรกธาร ทุ่งหญ้า และชุมชนชาวพื้นเมืองอยู่เป็นระยะ
จากซีหนิง ก็ถึงไฮไลท์ของการเดินทางครั้งนี้ เราจะไต่หลังคาโลกด้วย "ทางรถไฟสายชิงไห่-ทิเบต" เส้นทางรถไฟชิงไห่ – ทิเบต หรือ “ถนนบนท้องฟ้า” เป็นเส้นทางรถไฟบนที่ราบสูงที่สูงที่สุดและยาวที่สุดของโลก เริ่มต้นเดินทางจากนครซีหนิง เมืองหลวงของมณฑลชิงไห่ ถึงปลายทางนครลาซา เมืองหลวงของเขตปกครองตนเองทิเบต โดยมีความยาวทั้งสิ้น 1,956 กิโลเมตร ส่วนระยะทางที่ระดับความสูง 4,000 เมตรขึ้นไปราว 1,000 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 26 ชั่วโมง 23 นาที
จุดที่สูงสุดของรถไฟเส้นนี้คือ ‘the Tanggula Pass’ มีความสูงถึง 5,068 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล แน่นอนว่าในระดับที่สูงขนาดนี้เรื่องระดับออกซิเจนต้องเป็นปัญหาอย่างแน่นอน รถไฟสายนี้จะมีการจัดการเรื่องออกซิเจนแบ่งเป็น 2 แบบคือ ในขณะที่รถไฟกำลังไต่ระดับในพื้นที่ราบสูงรถไฟจะมีการปั๊มออกซิเจนไปยังตัวขบวนเอง และเมื่อขึ้นไปยังระดับที่สูงมากๆ แล้วผู้โดยสารรู้สึกไม่ค่อยดีก็สามารถสวมใส่สายออกซิเจนเพื่อช่วยในการหายใจได้ นั้นหมายความว่าในทุกๆที่นั่งของรถไฟสายนี้จะต้องมีแหล่งจ่ายออกซิเจนฉุกเฉิน และอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่จำเป็นอื่นๆ อีกทั้งยังมีคุณหมอประจำรถไฟด้วย ในกรณีที่อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ตลอดสองข้างทางจะพบกับทัศนียภาพของหลังคาโลกอันตระการตา อาทิ
#จุดกำเนิดแม่น้ำสายสำคัญของโลกถึง5สาย คือ หวงเหอ แยงซีเกียง โขง สาละวิน และพรหมบุตร ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นต้นธารอารยธรรมสำคัญของโลก
#สะพานรถไฟผ่านดินบนน้ำแข็งบนที่ราบสูงที่ยาวที่สุดในโลก โดยมีความยาวถึง 11.7 กิโลเมตร เพราะสูงกว่า 4,600 เมตร หน้าหนาวอุณหภูมิต่ำสุดถึง -30 องศาเซลเซียส ปริมาณออกซิเจนลดถง 40% ทว่าอุดมด้วยสัตว์ป่านานาชนิด เช่น จามรีป่า จิ้งจอกหิมะฯลฯ วิศวกรรถไฟจีนจึงสร้างทางรถไฟยกระดับกหรือสะพานรถไฟ เพื่อไม่ให้กีดขวางเส้นทางอพยพย้ายถิ่นของสัตว์ป่า โดยทำช่องใต้สะพานไว้ให้สัตว์ลอดไปมาได้อย่างอิสระ
#สถานีถังกู่ลาซานเป็นสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในโลก โดยมีความสูง 5,068 เมตรจากระดับน้ำทะเล แต่เป็นสถานีที่ไม่มีผู้โดยสารขึ้น-ลง เพราะสูงจนไม่มีชุมชนอาศัยอยู่ มีแต่อุปกรณ์และเครื่องมือสำหรับเจ้าหน้าที่การรถไฟจีนใช้ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินเท่านั้น
#สถานีชว่อน่า ที่ความสูง 4,595 เมตร ตั้งอยู่ริมทะเลสาบชว่อน่า ทะเลสาบน้ำจืดที่สูงที่สุดของโลก แต่ที่สำคัญคือเป็นต้นกำเนิดของ “นู่เจียง” หรือ สาละวิน ซึ่งไหลออกไปออกทะเลอันดามันที่มะละแหม่ง เมืองเอกของรัฐมอญที่ในอดีต
#สถานีทงเทียนเหอ ที่ความสูง 4,600 เมตร สถานีนี้ตั้งอยู่ใกล้จุดกำเนิดของแม่น้ำแยงซีเกียง ซึ่งชาวทิเบตเรียก “ทงเทียนเหอ” แปลว่า สายธารจากสวรรค์ บริเวณนั้น มีกองหินประดับธงมนตราตั้งอยู่โดดเด่น ด้วยถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวทิเบต ชนชาติที่เคารพบูชาน้ำในฐานะที่เป็นบ่อเกิดชีวิต และเป็นเส้นทางนำพาดวงวิญญาณของพวกเขาไปสู่สรวงสวรรค์
พักเที่ยวลาซา 5-7 วัน ลาซาตั้งอยู่บนเทือกเขาหิมาลัย ที่ราบสูงธิเบตที่สูงที่สุดในโลก จนได้รับฉายาว่า หลังคาโลก ลาซามีอากาศที่หนาวเย็นมาก และมีความกดอากาศและอ๊อกซิเจนที่ต่ำ ฉะนั้นผู้ที่จะมาในทิเบตจะต้องปรับสภาพร่างกายก่อน สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ
#พระราชวังโปตาลา ตั้งอยู่บนยอดเขาแดง บนความสูงประมาณ 300 เมตร พระราชวังโปตาลาแห่งนี้มีประวัติอันยาวนานมากว่า 1,300 ปี ที่มีความสวยงามและอลังการมาก มีห้องมากกว่า 1,000 ห้อง ซึ่งนับว่าเป็นศิลปสุดยอดฝีมือที่สวยงามที่สุดของทิเบต ภายในพระราชวังโปตาลานี้มีอาคาร 13 ชั้น สูงประมาณ 400 เมตร พระราชวังโปตาลา ถือว่าเป็นสถานที่ที่สำคัญที่สุด
#ตำหนักนอร์บุหลินฆา หรือ หลัวปู้หลินข่า ตั้งอยู่ชานเมืองด้านตะวันตกของกรุงลาซา คำว่า นอร์บุหลินฆา เป็นภาษาทิเบต แปลว่า สวนป่าที่วิเศษ หรือสวนป่ามหาสมบัติ ตำหนักแห่งนี้ สร้างใน ค.ศ.1750 โดยดาไลลามะ ที่ 7 เพื่อเป็นที่พักในยามชรา
#วัดโจคัง (Jokhang) หรือชาวจีนเรียกว่า ต้าเจ้าซื่อ (Dazhao Si ) เป็นวัดที่มีอายุมากกว่า 1,400 ปี สร้างขึ้นตั้งแต่ ประมาณ ปี ค.ศ. 639-647 ชาวทิเบตนับถือว่าวัดแห่งนี้เป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
#ตลาดแปดเหลี่ยม หรือ ถนนแปดเหลี่ยม ชาวทิเบตมีความเชื่อว่า ถนนแปดเหลี่ยมนี้เป็นเส้นทางจงกรม จากชาตินี้สู่ชาติหน้าได้ มีคำกล่าวไว้ว่า หากท่านเดินทางมาทิเบตไม่ได้มาที่นี่ เปรียบเหมือนท่านไม่ได้ย่างสู่ทิเบต ถนนแปดเหลี่ยม ยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมือง ของที่ระลึกมากมาย รวมไปถึงงานฝีมือต่าง ๆ มากมายที่ชาวทิเบตนำมาวางขายรายรอบถนนสายนี้
#ทะเลสาบยัมดรกยัมโซ (Yamdrok Yam Tso) เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ศักดิ์สิทธิแห่งหนึ่งของทิเบต ทุก ๆ ปี ชาวทิเบตจะมาแสวงบุญที่นี่จำนวนมาก เขากราบอัษฎางคประดิษฐ์เป็นระยะทางอันยาวไกลเป็นร้อย ๆ กิโลเมตรเพื่อมาสักการะทะเลสาบอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ทะเลสาบยัมดรก ยัมโซอยู่ทางด้านใต้ของแม่น้ำพรหมบุตร (Yarlung Tsangpo River) ในเขตเมือง ชิกัสเซ (Shigase) เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดทางตอนใต้ของเทือกเขาหิมาลัย มีพื้นที่ 638 ตารางกิโลเมตร มีความยาว 130 กิโลเมตร กว้าง 70 กิโลเมตร ความลึกเฉลี่ย 20 - 40 เมตร ส่วนที่ลึกที่สุด 60 เมตร อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 4441 เมตร ทะเลสาบนี้สวยมาก น้ำใสสะอาดราวกับกระจก น้ำเป็นสีฟ้าปนเขียว(green jade) ห้อมล้อมด้วยเทือกเขาสูง ยามต้องแสงตะวันในระดับความลึกของน้ำต่าง ๆ กัน จะเปลี่ยนเป็นสีเข้ม สีอ่อนต่างกัน บนผิวน้ำที่ราบเรียบจะมองดูระยิบระยับ มีเงาของภูเขา และต้นไม้สะท้อนลงบนผิวน้ำ ที่สำคัญคือทะเลสาบแห่งนี้ยังบริสุทธิ์มาก
หวังว่าเพื่อนๆจะเพลิดเพลินกับทริปรถไฟสายบางซื่อ หลังคาโลก ทริปนี้นะรับ แล้วพบกันใหม่ ทริปหน้าครับ
ติดตามเรื่องราวดีๆได้ที่ เพจ Go ahead news
https://www.facebook.com/goaheadnews
เรื่องและภาพโดย #สุริยะเนตรพรรณพนาไพร
No comments:
Post a Comment