เมื่อวันที่7 มี.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นายเถลิงศักดิ์ นุชประหาร รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพังงา คลังจังหวัด สำนักงานจังหวัดพังงา และตรวจสอบภายในจังหวัดพังงา ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณพื้นที่โครงการปรับภูมิทัศน์คลองพังงา หน้าศูนย์ราชการจังหวัดพังงา ซึ่งอยู่ติดถนนสายพังงา-ทับปุด หมู่ 3 ตำบลถ้ำน้ำผุด อำเภอเมืองพังงา หลังเพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน โพสต์ข้อความและภาพ ต้นทองอุไร ราคาต้นละกว่า 6 พันบาท ทั้งหมด 37 ต้น รวมเป็นเงินกว่า 2.25 แสนบาท โดยในพื้นที่ดังกล่าวพบว่ามีการปลูกต้นทองอุไรไว้ แต่ละต้นมีขนาดไม่เท่ากัน มีตั้งแต่ 50 เซนติเมตร ไปจนถึง 2.5 เมตร บางต้นถูกหญ้าปกคลุม จากการสำรวจร้านขายต้นไม้ในพื้นที่ พบว่าราคาต้นทองอุไร ขนาดต้นไม่ถึง 1 เมตร มีขายในราคา 100 บาท ส่วนต้นขนาดใหญ่ ราคาอยู่ที่ 700-800 บาท
เบื้องต้น นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ในฐานะผู้บริหารระดับสูงของจังหวัด พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้ามาตรวจสอบโครงการนี้และตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อกรณีที่เกิดขึ้นโดยมีคลังจังหวัดพังงาเป็นประธาน กำหนดระยะเวลา 1 เดือน ก่อนสรุปผลว่าโครงการนี้มีความผิดปกติหรือไม่
ขณะที่ทางโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพังงา ชี้แจงว่า ในส่วนต้นทองอุไรทั้งหมด 37 ต้น มีการปลูกและเจริญเติบโตเพียง 6 ต้น ที่เหลืออีก 31 ต้น พบว่า ชำรุด หรือไม่เจริญเติบโต สำหรับต้นทองอุไรของโครงการฯ จะอยู่ในคอกที่มีไม้ล้อมรอบพยุงอยู่ ซึ่งพบว่ามีเหลืออยู่เพียงไม่กี่ต้น และยังอยู่ในระยะประกันผลงาน ซึ่งได้ส่งเรื่องให้ผู้รับเหมาถึง 2 ครั้งในช่วงเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อให้เข้ามาซ่อมแซมแล้ว ส่วนกรณีชุดน้ำพุพร้อมอุปกรณ์ มูลค่า 6,000,570 บาท ที่ระบุว่าไม่สามารถใช้งานได้ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าระดับน้ำในบึงมีไม่เพียงพอ ระดับน้ำในแอ่งน้ำอยู่ต่ำกว่าระดับมอเตอร์น้ำพุ ประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงหน้าแล้ง และไม่สามารถดึงน้ำจากคลองพังงามาใช้ได้เนื่องจากเป็นน้ำกร่อย อาจจะทำให้อุปกรณ์ชำรุดเสียหายได้ จึงเป็นเหตุให้ไม่สามารถเปิดใช้งาน
สำหรับชุดน้ำพุและการปลูกต้นทองอุไร เป็นส่วนหนึ่งของโครงการปรับภูมิทัศน์คลองพังงาของจังหวัดพังงา ซึ่งทั้งโครงการใช้งบประมาณกว่า 30 ล้านบาท มีการเสนอโครงการและก่อสร้างตามปีงบประมาณ 2564-2565 สำนักงานโยธาธิการจังหวัดพังงาเป็นเจ้าของโครงการโดยใช้งบของยุทธศาสตร์จังหวัด 30,000,000 บาท เพื่อปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์ เพื่อป้องกันการพังทลายของดินบริเวณนี้ เพราะศาลากลางเป็นสถานที่สวยงามเป็นสง่าราศีของบ้านเมือง ในช่วงที่ระดับน้ำเพียงพอก็จะมีน้ำพุขึ้นมาความสวยงาม ซึ่งคณะกรรมการจะต้องตรวจสอบข้อเท็จอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง คาดว่าจะให้เวลากรรมการตรวจสอบอย่างละเอียดเป็นเวลา 30 วัน
ขอบคุณภาพข่าว ส.ปชส.จ.พังงา
นายพงษ์ศักดิ์ ประทีป /โกอู๋@ผู้สื่อข่าวอาวุโสจังหวัดพังงา
No comments:
Post a Comment