กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ชี้เป้าผู้ผลิตเครื่องดื่ม ส่งออกสินค้า “เครื่องดื่ม”.เจาะตลาดเวียดนาม หลังพบมีแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อเนื่อง เผยเครื่องดื่มพรีเมี่ยม เพื่อสุขภาพ มีโอกาสทำตลาดสูง แนะควรเข้าร่วมงานแสดงสินค้าเพื่อเปิดตัวสินค้า และใช้ช่องทางออนไลน์ทำตลาดเพื่อให้สินค้าเป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้น
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้มอบหมายให้กรมฯ สำรวจลู่ทาง และโอกาสการส่งออกสินค้าไทยในประเทศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดได้รับข้อมูลจากนางสาวธนียา ฟูเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย ถึงแนวโน้มตลาดสินค้าเครื่องดื่มในเวียดนาม และโอกาสในการขยายตลาดสินค้าเครื่องดื่มของผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ตลาดเวียดนาม
ทั้งนี้ ทูตพาณิชย์ได้รายงานสถานการณ์ตลาดเครื่องดื่มในเวียดนามในปี 2566 มีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้น หลังจากซบเซาจากโควิด-19 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยฟื้นตัวทั้งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และไม่มีแอลกอฮอล์ และผู้บริโภคยังให้ความสำคัญต่อสุขภาพมากขึ้น โดยต้องการเครื่องดื่มที่มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย มีแหล่งที่มาที่ชัดเจน มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน
นายภูสิตกล่าวว่า ในการขยายตลาดสินค้าเครื่องดื่มของไทยเข้าสู่ตลาดเวียดนาม ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ควรกำหนดกลยุทธ์ด้านการตลาดในการเข้าสู่ตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพในเวียดนาม โดยควรมุ่งเน้นการนำผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่มีความแตกต่างจากสินค้าทั่วไป เพื่อสร้างความแตกต่าง อาทิ ชาพร้อมดื่มบรรจุกระป๋องระดับพรีเมี่ยม เครื่องดื่มผลไม้ผสมสมุนไพร และน้ำผลไม้ตามฤดูกาล เน้นจุดเด่นคือมีให้บริโภคได้เฉพาะบางฤดูกาลเท่านั้น หรือการคัดสรรวัตถุดิบจากแหล่งผลิตที่มีชื่อเสียง
นอกจากนี้ อาจพัฒนารูปแบบบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัยแตกต่างจากบรรจุภัณฑ์ทั่วไปในท้องตลาด แม้ว่าตลาดเครื่องดื่มจะถูกครองตลาดโดยบริษัทต่างชาติ แต่ปัจจุบันผู้บริโภคชาวเวียดนามมีแนวโน้มลดการใช้เครื่องดื่มอัดลมและค่อย ๆ เปลี่ยนไปดื่มเครื่องดื่มออร์แกนิกเพื่อสุขภาพ ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ทำจากธรรมชาติและดีต่อสุขภาพ
ส่วนช่องทางการกระจายสินค้าเครื่องดื่มมีช่องทางการซื้อสินค้าส่วนใหญ่จากร้านตัวแทนจำหน่ายหรือร้านค้าของชำ ร้านสะดวกซื้อ ซุปเปอร์มาเก็ต และช่องทางออนไลน์ โดยมีแนวโน้มว่าผู้บริโภคนิยมซื้อผลิตภัณฑ์
ผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากสะดวกรวดเร็ว และผู้บริโภคยังสามารถเปรียบเทียบข้อมูลและราคาสินค้าก่อนการตัดสินใจซื้อได้ และร้านค้าออนไลน์มีระบบชำระเงินผ่านการเชื่อมโยงกับบัญชีธนาคาร หรือการชำระเงินสดเมื่อได้รับสินค้า โดยผู้ประกอบการไทยที่ต้องการส่งเสริมสินค้าให้เป็นที่รู้จัก ควรใช้วิธีร่วมกับผู้นำเข้าจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Facebook , e-commerce websites ที่จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางเพื่อประชาสัมพันธ์และเพิ่มยอดการขายสินค้าในตลาดเวียดนาม
ขณะเดียวกัน ในการขยายตลาดควรจะเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในเวียดนาม เช่น Vietfood & Beverage - ProPack 2023 ที่มีกำหนดการจัดขึ้นในวันที่ 10-12 สิงหาคม 2566 ณ โฮจิมินห์ งานแสดงสินค้า Mini Thailand Week และงาน.Online Business matching (OBM) ที่จัดขึ้นโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
การส่งออกเครื่องดื่มของไทยไปเวียดนามในช่วง 11 เดือนของปี 2565 (มกราคม – พฤศจิกายน) มีมูลค่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 12% โดยน้ำแร่ น้ำอัดลมที่ปรุงรส มีมูลค่าสูงสุด 334 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 37,443.8% รองลงมา คือ เครื่องดื่มอื่น ๆ มูลค่า 60.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ลด 82.4% เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อื่น ๆ มูลค่า 4.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ลด 58.8% วิสกี้ มูลค่า 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 2,883.1% ไวน์ มูลค่า 3 แสนเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 343% เบียร์ มูลค่า 1.6 แสนเหรียญสหรัฐ ลด 46.8% เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์อื่น ๆ 2 หมื่นเหรียญสหรัฐ ลด 59.7%
สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169
*****************************************
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
30 มกราคม 2566
No comments:
Post a Comment