วันเสาร์ที่ 28 มกราคม 2566 ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ ตำบลนอกเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์
นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน มอบหมายให้นายวรงค์ แสงเมือง รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ผลิต ผู้ประกอบการประเภทผ้าและหัตถกรรม โดยมีผู้ตรวจราชการกรม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน พัฒนาการจังหวัดนครพนม พัฒนาการจังหวัดนครราชสีมา พัฒนาการจังหวัดสุรินทร์เข้าร่วมโครงการฯ ในการนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ นายธนันท์รัฐ ธนเสฏฐการย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทย นายศิริชัย ทหรานนท์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ THEATRE นายวิชระวิชญ์ อัครสันติสุข ผู้ก่อตั้งแบรนด์ WISHARAWISH นายจิรัฏฐ์ ทรัพย์พิศาลกุล สไตล์ไดเร็กเตอร์นิตยสาร VOGUE และนายนุวัฒน์ พรมจันทึก ผู้เชี่ยวชาญการย้อมสีธรรมชาติ มาร่วมกันให้คำแนะนำ ปรึกษา ที่เป็นประโยชน์ ในการพัฒนาศักยภาพผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ซึ่งการขับเคลื่อนโครงการนี้ฯ มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาศักยภาพแก่กลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ประเภทผ้า และงานหัตถกรรม ตามแนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดและเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ แก่กลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ประเภทผ้า และงานหัตถกรรม ในการพัฒนาต่อยอด สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ตามอัตลักษณ์พื้นถิ่น โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 50 กลุ่ม/ราย
นายวรงค์ แสงเมือง รองอธิบดี พช. กล่าวว่า กรมการพัฒนาชุมชน ได้น้อมนำแนวพระดำริในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” คือ ความสุขที่ได้เลือกใช้ศิลปหัตถกรรมไทย เพื่อให้รายได้ กลับเข้าสู่ชุมชน เป็นวงจรเศรษฐกิจเชิงมหภาค และส่งเสริม กระตุ้นผ้าไทยให้ทันสมัยสู่สากล เป็นที่นิยมในทุกเพศ ทุกวัย และทุกโอกาส อีกทั้งได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ประเภทผ้า และงานหัตถกรรม โดยการสร้างองค์ความรู้ นำไปสู่การพัฒนาต่อยอดเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ในทุกภูมิภาค ให้ร่วมสมัยนำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้กระจายสู่ชุมชนอย่างทั่วถึง เป็นวงจรเศรษฐกิจเชิงมหภาค สร้างวิถีชุมชนที่ยั่งยืน สนองตอบต่อมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 ที่เห็นชอบมาตรการส่งเสริม และสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทย ตลอดจนส่งเสริมและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม อันเป็นรากเหง้าภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ให้ดำรงคงอยู่คู่สังคมไทย
"โครงการพัฒนาศักยภาพผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ประเภทผ้า และหัตถกรรม ในครั้งนี้ ซึ่งจะเกิดผลดีเป็นอย่างยิ่งกับกลุ่มเป้าหมายผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะสามารถยกระดับ พัฒนาศักยภาพตนเองให้เป็นผู้ผลิต ผู้ประกอบการที่มีองค์ความรู้ สามารถนำไปต่อยอดและพัฒนาภูมิปัญญาที่มีอยู่ให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดสากล และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หลังจากผ่านการฝึกอบรมแล้ว ผู้เข้ารับการอบรมทุกท่าน จะได้นำความรู้ ความสามารถ หรือประสบการณ์ที่ได้รับจากการฝึกอบรม ไปใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความสร้างสรรค์ ทันสมัย โดดเด่นด้วยอัตลักษณ์ ตลอดจนเข้าถึงช่องทางการตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยไม่ทิ้งรากเหง้าของภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่บรรพบุรุษได้สั่งสมมา นำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับครอบครัว และชุมชน ได้อย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน" รองอธิบดีพช.กล่าว
No comments:
Post a Comment