โลกยุคหลังโควิด นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในหลายมิติ โดยเฉพาะ “เทรนด์ในการดูแลสุขภาพของวัยทำงานยุคใหม่” ที่กลายเป็นหนึ่งในโจทย์ที่ท้าทายของทุกองค์กร เมื่อสุขภาพที่ดี ไม่ได้ส่งผลเพียงต่อประสิทธิภาพการทำงาน แต่ยังสะท้อนถึง “วัฒนธรรมขององค์กร” ในการใส่ใจดูแลสุขภาพพนักงาน มากกว่าการให้แค่ค่าตอบแทนหรือความมั่นคง อีกทั้งยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรในการดึงดูดพนักงานคุณภาพให้อยากเข้ามาร่วมงาน ขณะเดียวกัน ด้วยแนวโน้มของการนำเทคโนโลยีด้านสุขภาพ (Digital Health) เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนทำงานมากขึ้น ตั้งแต่การใช้แอปพลิเคชันติดตามสุขภาพ สมาร์ทวอทช์ ไปจนถึงบริการแพทย์ออนไลน์ (Telemedicine) ยิ่งกลายเป็นภาพสะท้อนว่า พนักงานยุคนี้ ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ และคุ้นเคยกับการนำเทคโนโลยีมาปลดล็อกการดูแลสุขภาพแบบเดิมๆ ที่มีต้นทุนเวลาและค่าใช้จ่าย
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย LINE ประเทศไทย ได้เปิดตัว LINE HEALTH — บัญชีทางการ (Official Account) ที่ถูกออกแบบมาให้เป็นแพลตฟอร์มกลาง พร้อมเชื่อมผู้ใช้งานกว่า 56 ล้านคน เข้ากับ 4 ผู้ให้บริการเทเลเมดิซีนชั้นนำของไทย ที่ต่างมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ครอบคลุมความต้องการด้านสุขภาพที่หลากหลาย พลิกโฉมการดูแลสุขภาพให้เข้าถึงได้ง่าย ผ่านปลายนิ้ว โดยหนึ่งในพันธมิตรสำคัญ คือ Health at Work แพลตฟอร์มที่มุ่งเน้นบริการสุขภาพสำหรับวัยทำงาน ให้คำปรึกษาแพทย์ผ่าน LINE ได้โดยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล พร้อมบริการส่งยาถึงที่ ลดเวลาและค่าใช้จ่าย รองรับสิทธิประกันกลุ่ม และประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก (OPD) ช่วยเสริมสร้างสวัสดิการเชิงรุกที่ตอบโจทย์พนักงานองค์กรยุคใหม่
ป่วยเล็ก ป่วยใหญ่ หรือรู้สึกไม่สบายใจ คิดถึง Health at Work
จุดเด่นของ Health at Work คือ บริการด้านสุขภาพสำหรับพนักงานบริษัทที่มีประกันกลุ่มให้สามารถใช้สิทธิ์เข้าถึงบริการสุขภาพออนไลน์ได้ง่ายๆ ผ่าน LINE ครอบคลุมทั้งบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ การส่งยาถึงบ้าน และระบบติดตามสุขภาพ ครบจบในที่เดียว ไม่ว่าจะเจ็บป่วยเล็กน้อย หรือต้องการคำปรึกษาเบื้องต้นจากแพทย์ก่อนไปโรงพยาบาล Health at Work มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลชั้นนำ พร้อมให้คำปรึกษาทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07:00 น. ถึง 21:00 น. โดยแพทย์จะมีการบันทึกประวัติการรักษา เพื่อเป็นฐานข้อมูลของคนไข้ หรือ กรณีที่คนไข้จำเป็นต้องมีการส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล แพทย์จะสรุปอาการเบื้องต้นให้ หลังจากให้คำปรึกษาเรียบร้อยจะมีบริการจัดส่งยาให้ถึงบ้าน ภายใน 1-3 ชม. ในพื้นที่ให้บริการ และ 1-3 วันสำหรับบางพื้นที่ ครอบคลุมทั่วประเทศ
อีกหนึ่งจุดแข็งของ Health at Work คือ ด้วยความที่มีทีมแพทย์ประจำคลินิกเอง ทำให้ให้แพทย์แต่ละท่านมีแนวทางในการให้คำปรึกษาบนมาตรฐานเดียวกัน อีกทั้งยังมีระบบ Real-time Feedback จากทุกการรักษา เพื่อช่วยในการประเมินและปรับปรุงประสิทธิภาพของแพทย์ ซึ่งแตกต่างจากการไปใช้บริการที่โรงพยาบาลทั่วไป สำหรับโรคยอดนิยมที่พบบ่อย คือ Office Syndrome นอกจากนี้ยังพบโรคตามฤดูกาล เช่น โควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ ท้องเสีย และตาแดง ซึ่งเป็นโรคทั่วไปที่ปรึกษาหมอออนไลน์ได้ โดยไม่ต้องไปโรงพยาบาล ทั้งนี้ด้วยบริการที่ตอบโจทย์เทรนด์พนักงานรุ่นใหม่ ทำให้ใครที่ได้ทดลองใช้ต่างเกิด Magic Moment กับการใช้บริการที่ง่ายและสะดวกสบาย จนกลับมาใช้ซ้ำจำนวนมาก
ปฏิวัติโมเดลการดูแลสุขภาพของพนักงานบริษัท ที่ได้ประโยชน์ถ้วนหน้า
นพ.คณพล ภูมิรัตนประพิณ ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Health at Work กล่าวว่า Health at Work ก่อตั้งขึ้นในปี 2021 โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ พัฒนาโมเดลการดูแลสุขภาพแบบใหม่ที่เชื่อมต่อคนทำงานเข้ากับการดูแลสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพ เปลี่ยนมุมมองพนักงานบริษัทที่เคยมองว่า การดูแลสุขภาพเมื่อเจ็บป่วยเป็นเรื่องยากให้กลายเป็นเรื่องง่าย เสมือนมีเพื่อนเป็นหมอ เพราะเพียงเข้าใช้บริการ LINE HEALTH ก็สามารถปรึกษาแพทย์และมีบริการที่ครอบคลุมสิทธิประกันได้ทันที โดยไม่ต้องโหลดแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติมให้ยุ่งยาก
“การร่วมมือกับ LINE HEALTH ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญ ในการยกระดับระบบ Healthcare ไปอีกขั้น LINE เป็นแพลตฟอร์มที่ทรงพลังในการเชื่อมต่อผู้คน การร่วมมือนี้จึงเป็นการยกระดับบทบาทของ LINE ในฐานะเกตเวย์ที่ทำให้ผู้ใช้งานเข้าถึง Health at Work ผ่าน LINE HEALTH ได้โดยตรง จากปัจจุบันที่มีผู้ใช้งาน Health at Work อยู่แล้วมากกว่า 100,000 คน และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ นพ.คณพล ยังเชื่อในพลังของโมเดลธุรกิจ Health at Work ที่ออกแบบให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ เริ่มจากฝ่ายที่ 1) พนักงานบริษัท สามารถใช้สิทธิประกันกลุ่มที่มีอยู่ได้สะดวกยิ่งขึ้น แทนที่จะต้องลางาน เสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปโรงพยาบาล เพียงเข้า LINE HEALTH สามารถปรึกษาแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ รอรับยาที่บ้าน ไม่ต้องสำรองจ่าย สะดวกและรวดเร็วในฝั่งองค์กร ได้ยกระดับสวัสดิการการดูแลสุขภาพพนักงาน โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ขณะที่ฝ่ายที่ 2) บริษัทประกันสามารถลดค่าเคลมได้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการปรึกษาแพทย์ผ่านเทเลเมดิซีนโดยมากมักต่ำกว่าการรักษาในโรงพยาบาล ในฝั่งที่ 3) โรงพยาบาล ก็ได้แบ่งเบาภาระ ลดความแออัด สามารถนำทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดไปใช้กับโรคที่ซับซ้อนกว่าได้ และนอกจาก Health at Work จะได้ส่งมอบบริการที่สร้างคุณค่า ในอนาคตยังสามารถต่อยอดบทบาทการเป็น "Health Partner" ให้กับองค์กร ด้วยการนำข้อมูลสุขภาพของพนักงาน ไปออกแบบโปรแกรมดูแลสุขภาพที่ตรงกับความต้องการของพนักงานในแต่ละองค์กรอย่างตรงจุด ซึ่งจะส่งผลดีต่อองค์กรในระยะยาว ทำให้พนักงานมีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน เรียกได้ว่าเป็นการยกระดับระบบสุขภาพที่มีประสิทธิภาพขึ้นในทุกระดับ
การร่วมมือระหว่าง Health at Work และ LINE HEALTH ในครั้งนี้ ยังสอดคล้องไปกับกระแส Digital Health ที่ยังคงมาแรงต่อเนื่อง และจะทำให้ช่องว่างในการเข้าถึงการดูแลสุขภาพของคนยุคใหม่ เป็นเรื่องง่าย โดยเฉพาะหากในอนาคต มีการนำเทคโนโลยีต่างๆ อย่าง AI และ อุปกรณ์สุขภาพต่างๆ เข้ามาช่วยในการจัดเก็บข้อมูลสุขภาพ เช่น การหายใจ การนอน การเต้นของหัวใจ ฯลฯ จะช่วยวิเคราะห์และประกอบการวินิจฉัยของแพทย์ให้มีความรอบด้านและมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
มาร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่ที่จะเปลี่ยนมุมมองในการดูแลสุขภาพให้ง่ายด้วยปลายนิ้วไปด้วยกัน สำหรับวัยทำงานไม่ว่าจะใช้สิทธิประกันกลุ่ม ประกันผู้ป่วยนอก หรือจ่ายด้วยตัวเอง ก็สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพออนไลน์ของ Health at Work ผ่าน LINE HEALTH ได้แล้ววันนี้ เพียงเพิ่มเพื่อน LINE Official Account @linehealth หรือคลิก https://lin.ee/uCW32tc ไม่ต้องนัดหมายล่วงหน้า รอคิวไม่เกิน 5 นาที ก็พูดคุยปรึกษากับแพทย์ได้ทันที พร้อมรับยาถึงบ้านภายในไม่กี่ชั่วโมง




No comments:
Post a Comment