วัดพิพัฒน์มงคล เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ซึ่งแต่เดิมเป็นวัดร้างที่ตั้งอยู่กลางทุ่งนา สันนิษฐานว่ามีอายุราว 700 ปี แต่ไม่มีหลักฐานทางโบราณคดีอื่น ๆ พบเพียงรากฐานอุโบสถและเจดีย์โบราณเท่านั้น ที่จมอยู่ใต้พื้นดินลึกลงไปประมาณ 1.50 เมตร ในพื้นที่บริเวณส่วนกลางของวัด ตั้งวัดเมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2528 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2548 เดิมมีที่ดิน 20 ไร่ ปัจจุบันได้ขยายเป็น 203 ไร่
มหาวิหารหลวงพ่อทองคำ เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมล้านน้า ภายในประดิษฐาน "หลวงพ่อทองคำ" หรือ "พระพุทธสุโขโพธิ์ทอง" ซึ่งมีขนาดต่าง ๆ รวมทั้งหมดหลายสิบองค์ เป็นพระพุทธรูปโบราณที่มีสินแร่ทองคำโบราณหลอมรวมอยู่ในองค์พระหนักหลายกิโลกรัม ศิลปะสุโขทัย และ ศิลปะเชียงแสน ปางมารวิชัย เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มีเทพรักษา
"หลวงพ่อทองคำ" หรือ "พระพุทธสุโขโพธิ์ทอง" นั้นเป็นที่เคารพศรัทธาอย่างมากของชาว ทุ่งเสลี่ยม เนื่องจากเชื่อกันว่า เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยให้เจ้าอาวาสสามารถตั้งวัดและหาปัจจัยเพื่อก่อสร้าง เสนาสนะให้วัดพิพัฒน์มงคลมีความเจริญและ เป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรมสำคัญของจังหวัดสุโขทัยได้ในช่วงเวลาไม่ถึง 20 ปี
ใกล้กับมหาวิหารหลวงพ่อทองคำคือ พุทธวิหารลายคำ เป็นวิหารที่ผสมผสาน ศิลปะของวิหารไทลื้อและวิหารที่หลวงพระบางของลาว วิหารสร้างด้วยไม้สักทองมีอายุประมาณ 100 ปี มีความกว้าง 15 เมตร แบบย่อมุม ความยาว 32 เมตร ฐานเป็นปูนบัวคว่ำ ฝาผนังบุสองชั้น หลังคาลดหลั่น 3 มุข 2 ชายคา ตัวเรือนประดับด้วยช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์แกะสลัก ลงรักปิดทองคำแท้ 99.99 เปอร์เซ็นต์ ภายในประดิษฐาน หลวงพ่อทันใจ ขนาดหน้าตัก 16 นิ้ว อายุประมาณ 400 ปี มีพุทธลักษณะทรงเครื่องเทริดกษัตริย์ ปิดทองคำแท้
วัดพิพัฒน์มงคลยังเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม มีสำนักปฏิบัติธรรมพลังจิตตภาวนาญาณทิพย์ ลานปฏิบัติธรรมพุทธมณฑลจำลอง และเมืองโบราณเก่าแก่ อายุประมาณ 880 กว่าปี ซึ่งบูรณะขึ้นมาใหม่ พร้อมทั้งหอเดินจงกรม หอปฏิบัติธรรม
สำหรับผู้ที่ต้องการมาปฏิบัติธรรม พักค้างแรมได้ที่วัด โดยมีห้องพักขนาดใหญ่จำนวน 10 ห้อง รองรับได้ประมาณ 40 กว่าคน และมีอาคารปฏิบัติธรรมขนาดใหญ่ที่สามารถรับผู้ที่มาปฏิบัติธรรมได้อีกจำนวนหนึ่งบริเวณรอบวัดได้ก่อสร้าง สถานที่ พักแรม เป็นศาลาเรือนนอน รองรับได้หลายร้อยคน และอาคารให้สำหรับผู้ค้าขายเดินทางมาจาก ต่างจังหวัดเพื่อค้างแรมเข้าพักได้ตลอดเวลา ทางวัดได้นำอาหารและน้ำไว้ให้บริการตลอดเวลา โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
No comments:
Post a Comment