วันที่ 8 มิถุนายน 2566 เวลา 11.30 น. ณ โรงแรมเซ็นเตอร์พอยต์ เทอร์มินอล 21 โคราช จังหวัดนครราชสีมา
นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ประเภทผ้าและหัตถกรรม โดยนางสาวณัฐนิช อินทสระ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน กล่าวรายงานฯ โดยในวันนี้ ได้รับเกียรติจากคณะผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทย และดีไซน์เนอร์ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ อาทิ นางศรินดา จามรมาน ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบลายผ้าและพัฒนาผ้าไทย นายธนันท์รัฐ ธนเสฏฐการย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบลายผ้าและพัฒนาผ้าไทย นายศิริชัย ทหรานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบแฟชั่น อาจารย์ ดร.ณพงศ ห้อมแย้ม ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ นายนุวัฒน์ พรมจันทึก ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตเส้นใยและการย้อมสีธรรมชาติ อาจารย์ ดร.ฐิศิรักน์ โปตะวณิช ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์ นายตะวัน ก้อนแก้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบแฟชั่น และคณะผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติ ประกอบด้วย นางอรจิรา ศิริมงคล ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดนครราชสีมา นายวรงค์ แสงเมือง รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางสงวน มะเสนา นายคมกริช ชินชนะ นางนวลจันทร์ ศรีมงคล ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน นายประดิษฐ์ นัดทะยาย เลขานุการกรม นางอรุณรัตน์ ชิงชนะ พัฒนาการจังหวัดนครราชสีมา นางสาวอัญชนิดา กมลเพ็ชร พัฒนาการจังหวัดขอนแก่น นายโดมทอง ดิเรกศิลป์ พัฒนาการจังหวัดชัยภูมิ นายพิศ นันทพูนพิพัฒน์ พัฒนาการจังหวัดร้อยเอ็ด นายไพโรจน์ โสภาพร พัฒนาการจังหวัดหนองคาย นายทองใจ ปุยไธสง ผู้อำนวยการกลุ่มงานสารสนเทศการพัฒนาชุมชน ผู้แทนพัฒนาการจังหวัดบุรีรัมย์ ผู้อำนวยการกลุ่มงาน และพัฒนาการอำเภอในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา มีนางสาวริตยา รอดนิ่ม ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน เจ้าหน้าที่กรมการพัฒนาชุมชน เข้าร่วมในงานฯ
นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า กรมการพัฒนาชุมชน ได้น้อมนำแนวพระดำริในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” คือ ความสุขที่ได้เลือกใช้ศิลปหัตถกรรมไทย เพื่อให้รายได้ กลับเข้าสู่ชุมชน เป็นวงจรเศรษฐกิจเชิงมหภาค และส่งเสริม กระตุ้นผ้าไทยให้ทันสมัยสู่สากล เป็นที่นิยมในทุกเพศ ทุกวัย และทุกโอกาส อีกทั้งได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ประเภทผ้า และงานหัตถกรรม โดยการสร้างองค์ความรู้ นำไปสู่การพัฒนาต่อยอดเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ในทุกภูมิภาค ให้ร่วมสมัยนำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้กระจายสู่ชุมชนอย่างทั่วถึง เป็นวงจรเศรษฐกิจเชิงมหภาค สร้างวิถีชุมชนที่ยั่งยืน และสนองตอบต่อมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 ที่เห็นชอบมาตรการส่งเสริม และสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทย ตลอดจนส่งเสริมและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม อันเป็นรากเหง้าภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ให้ดำรงคงอยู่คู่สังคมไทยสืบไป และจะเห็นได้ว่า โครงการพัฒนาศักยภาพผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ประเภทผ้า และหัตถกรรม ได้รับเกียรติจากวิทยากร ผู้ทรงคุณวุฒิ จากหลากหลายสาขาวิชาชีพ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านงานหัตถกรรม ดีไซเนอร์ นักออกแบบที่มีชื่อเสียง ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์ ตลอดทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด ผู้มีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับสากลมาร่วมกันให้คำแนะนำ ปรึกษา ที่เป็นประโยชน์ ในการพัฒนาศักยภาพผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ในครั้งนี้ ซึ่งจะเกิดผลดีเป็นอย่างยิ่งกับกลุ่มเป้าหมายผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ที่ผ่านการพัฒนาตามโครงการฯในครั้งนี้ จะสามารถยกระดับ พัฒนาศักยภาพตนเองให้เป็นผู้ผลิต ผู้ประกอบการที่มีองค์ความรู้ สามารถนำไปต่อยอดและพัฒนาภูมิปัญญาที่มีอยู่ ให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดสากล และผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หลังจากผ่านการฝึกอบรมแล้ว ผู้เข้ารับการอบรมทุกท่าน จะได้นำความรู้ ความสามารถ หรือประสบการณ์ที่ได้รับจากการฝึกอบรม ไปใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความสร้างสรรค์ ทันสมัย โดดเด่นด้วยอัตลักษณ์ ตลอดจนเข้าถึงช่องทางการตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยไม่ทิ้งรากเหง้าของภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่บรรพบุรุษได้สั่งสมมา นำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับครอบครัว และชุมชนได้อย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน
นางสาวณัฐนิช อินทสระ กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ประเภทผ้าและหัตถกรรม มีวัตถุประสงค์ดังนี้
1. เพื่อพัฒนาศักยภาพแก่กลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ประเภทผ้า และงานหัตถกรรม ตามแนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก”
2. เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาด สร้างรายได้เพิ่มให้กับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP
3. เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ แก่ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ประเภทผ้าและงานหัตถกรรม ในการพัฒนาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ตามอัตลักษณ์พื้นถิ่น
กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการฯ เป็นกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP จาก 4 ภาคทั่วประเทศ จำนวน 300 ราย แบ่งออกเป็น 6 รุ่น โดยดำเนินการใน 3 จุด ดังนี้
จุดดำเนินการที่ 1 จำนวน 1 รุ่น 50 ราย ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2566 ณ หอประชุมกองทัพเรือ ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร
จุดดำเนินการที่ 2 จำนวน 3 รุ่น ๆ ละ 50 ราย รวม 150 ราย ดำเนินการระหว่างวันที่ 10 - 12 พฤษภาคม 2566 โรงแรมลากูน่า แกรนด์ แอนด์ สปา จังหวัดสงขลา
และจุดดำเนินการที่ 3 จำนวน 2 รุ่น ๆ ละ 50 ราย รวม 100 ราย ดำเนินการระหว่างวันที่ 8 – 9 มิถุนายน 2566 ณ โรงแรมเซ็นเตอร์พอยท์ จังหวัดนครราชสีมา ที่ได้จัดดำเนินการในวันนี้
การดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ผลิต ผู้ประกอบการประเภทผ้า และหัตถกรรม ประกอบด้วย 2 กิจกรรม ดังนี้
กิจกรรมที่ 1 การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ (Coaching)
กิจกรรมที่ 2 การจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้า และงานหัตถกรรม
การประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ในครั้งนี้ วิทยากรที่มาให้ความรู้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ จากหลากหลายสาขาวิชาชีพ ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านงานหัตถกรรม ดีไซน์เนอร์ นักออกแบบที่มีชื่อเสียง ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์ ตลอดทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้ที่มีผลงาน เป็นที่ประจักษ์ และได้รับการยอมรับในระดับสากล มาร่วมให้คำปรึกษาแนะนำในการพัฒนายกระดับผลิตภัณฑ์ และเพิ่มศักยภาพผู้ผลิต ผู้ประกอบการ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เป็นต้นแบบในการพัฒนาสินค้า อัตลักษณ์ ส่งเสริมภูมิปัญญาการออกแบบลายผ้า การย้อมสีธรรมชาติ เทคนิคต่าง ๆ มานำเสนอหรือสร้างสรรค์ มีเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการพัฒนาต่อยอดสร้างรายได้เพิ่มให้กับชุมชน พัฒนาทักษะ องค์ความรู้ การออกแบบผลิตภัณฑ์ การแปรรูปผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาด ขยายตลาดเชิงพาณิชย์นำไปสู่ตลาดสากล และเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ้าไทยและงานหัตถกรรม ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย โดยได้รับคำแนะนำจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทย และดีไซนเนอร์ชั้นนำของประเทศ ร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ในการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ รวมถึงการออกแบบดีไซน์ให้มีความร่วมสมัย เทคนิคการใช้สีธรรมชาติในการทำลวดลายลงบนผืนผ้า นำไปสู่การสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้กับช่างทอผ้าทุกท้องถิ่น ท้องที่ และเป็นต้นแบบในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าไทยให้เป็นที่ประจักษ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างยั่งยืน และโดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมความตระหนักให้รู้ถึงผลกระทบจากการใช้สีเคมีที่จะเกิดขึ้นกับคนทอผ้า คนย้อมผ้า และผู้สวมใส่ พร้อมทั้งส่งเสริมให้เกิดการปลูกพืชให้สีชนิดต่าง ๆ ยังผลให้เกิดความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ นางสาวณัฐนิช กล่าวทิ้งท้าย
#กระทรวงมหาดไทย
#กรมการพัฒนาชุมชน
#ผ้าไทยใส่ให้สนุก
No comments:
Post a Comment