เมย์แบงก์เจาะลึกตลาดหุ้นจีนผ่านสัมมนา “Deep Dive China” เปิดมุมมองใหม่สู่โอกาสการลงทุนยุคฟื้นตัว - Go Ahead News

Go Ahead News

ก้าวไปข้างหน้ากับเรา

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Tuesday, July 29, 2025

เมย์แบงก์เจาะลึกตลาดหุ้นจีนผ่านสัมมนา “Deep Dive China” เปิดมุมมองใหม่สู่โอกาสการลงทุนยุคฟื้นตัว

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการให้คำปรึกษาการลงทุน ด้วยการจัดสัมมนาสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “Deep Dive China” สำหรับลูกค้าและนักลงทุนผู้สนใจตลาดหุ้นจีน ภายในงานมีการวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจมหภาค และแนะนำหุ้นศักยภาพสูงจากทีมผู้เชี่ยวชาญระดับภูมิภาค เพื่อเชื่อมโยงมุมมองเศรษฐกิจโลกกับกลยุทธ์การลงทุนเชิงลึกในปี 2025



ไฮไลต์ของงานอยู่ที่การบรรยายโดย เอริกา เทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาค กลุ่มธุรกิจการลงทุน เมย์แบงก์ (สิงคโปร์) นักวิเคราะห์เจ้าของบทวิเคราะห์ที่ได้รับการอ้างอิงจาก Bloomberg และ CNBC และกิติชาญ ศิริสุขอาชา Head of Investment Solutions เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนการลงทุนและคัดเลือกหุ้นเด่น นำเสนอข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่สะท้อนถึงการฟื้นตัวท่ามกลางความท้าทาย พร้อมแนะนำหุ้นและกองทุนที่มีศักยภาพในการเติบโตระยะยาว



จีนยังไปต่อได้...แม้ยังมีแรงกดดัน 

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนในไตรมาส 2/2568 เติบโต 5.2% แบบ real GDP แม้จะเผชิญกับเงินฝืดและความอ่อนแอของภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งยังคงเป็นจุดเปราะบาง ขณะที่ภาคการบริโภคและการส่งออกกลับมาเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ โดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นภาครัฐ อาทิ เงินอุดหนุนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และนโยบายกระตุ้นการเปลี่ยนเครื่องเก่า 


ในด้านเทคโนโลยี มีข้อมูลจาก Australian Strategic Policy Institute ชี้ว่าจีนสามารถลดช่องว่างด้านนวัตกรรมกับประเทศผู้นำได้อย่างรวดเร็ว โดยขึ้นเป็นผู้นำใน 57 จาก 64 สาขาเทคโนโลยีสำคัญของโลก ซึ่งรวมถึง AI, ชิปขั้นสูง,โดรน, พลังงานแสงอาทิตย์ และควอนตัมคอมพิวติ้ง ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจมีแนวโน้มทรงตัวและสร้างเสถียรภาพมากขึ้นนอกจากนี้ การผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่เริ่มเห็นสัญญาณบวกจากการลดภาษีนำเข้าในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ยังถือเป็นปัจจัยหนุนเชิงจิตวิทยาต่อตลาดทุน


กลยุทธ์ลงทุน 2025: จีนยังน่าสนใจ หุ้นเทคฯ และประกันยังโดดเด่น

เมย์แบงก์ ยังคงมุมมอง “Overweight” ต่อการลงทุนในตลาดจีน ควบคู่กับตลาดสหรัฐฯ โดยมีแรงหนุนจากการเติบโตของกำไร บรรยากาศเศรษฐกิจโลกที่เอื้อต่อการฟื้นตัว และแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในช่วงปลายปี สำหรับตลาดจีน แม้จะเผชิญความท้าทายจากภาคอสังหาฯ และกำลังซื้อภายในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่ก็มีความหวังจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการปรับโครงสร้างภาคการผลิตไปสู่เทคโนโลยีขั้นสูง



ในส่วนของหุ้นเด่นที่แนะนำ เมย์แบงก์ให้น้ำหนักไปที่ Xiaomi ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่กำลังรุกเข้าสู่ตลาด Smart EV อย่างจริงจัง โดยมองว่า Smart EV จะกลายเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทในระยะยาว พร้อมได้รับแรงสนับสนุนจากนโยบายกระตุ้นการบริโภคของรัฐบาลจีน โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและเทคโนโลยี ซึ่งทำให้ยอดขายของ Xiaomi เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ผ่านมา อีกหนึ่งหุ้นที่แนะนำคือ Ping An Insurance ซึ่งได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน และการขยายธุรกิจ Health Tech ผ่านแพลตฟอร์ม “Ping An Good Doctor” ที่ตอบรับกับแนวโน้มสังคมผู้สูงวัยของจีน นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นเรื่องอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงถึง 4.5% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มประกัน ทำให้ยังเป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจเมื่อเปรียบเทียบกับความเสี่ยง



ด้านกองทุนแนะนำ เมย์แบงก์ชู “MEGA10 AICHINA-A” ซึ่งเน้นลงทุนใน 10 บริษัทชั้นนำของจีนในกลุ่มเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยคัดเลือกผ่านเกณฑ์เชิงคุณภาพ ขนาด และสภาพคล่อง ภายใต้ดัชนีอ้างอิง Hang Seng Artificial Intelligence Theme Index หุ้นในพอร์ตประกอบด้วยผู้นำในตลาดจีน อาทิ Tencent, Xiaomi, Alibaba, Meituan และ Baidu ซึ่งมีบทบาทในธุรกิจ Social Network, E-commerce, Gaming และ Smart Tech โดยหลายบริษัทมีศักยภาพการเติบโตที่โดดเด่น และราคาหุ้นยังมีอัพไซด์สูงกว่า 20–30% จากราคาปัจจุบัน อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ต้องการลงทุนในหุ้นจีนขนาดใหญ่ผ่านกลยุทธ์แบบ Passive คือ “SCBCEH” ซึ่งอิงกับดัชนี Hang Seng China Enterprises Index (HSCEI) ที่รวมหุ้นจีนกลุ่ม H-Share จากหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การเงิน พลังงาน โทรคมนาคม และเทคโนโลยี ทั้งยังมีจุดเด่นคือสัดส่วนการถือหุ้นโดยภาครัฐที่สูงถึง 41.16% ซึ่งสะท้อนความมั่นคงจากนโยบายรัฐที่หนุนการเติบโตของบริษัทเหล่านี้ในระยะยาว



นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนแบบคงที่ในระยะสั้นอย่าง KIKO Notes (Knock-in Knock-out Structured Notes) ซึ่งออกโดย Maybank Securities เอง โดยมีระดับความน่าเชื่อถือ AA จาก Fitch Ratings ผลิตภัณฑ์นี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ โดยมีหุ้นอ้างอิง เช่น Xiaomi และ Ping An ที่ให้อัตราคูปองสูงถึง 10–15% ต่อปี พร้อมระดับ Knock-in Barrier ที่แตกต่างกัน เพื่อตอบโจทย์นักลงทุนที่มีความต้องการกระจายความเสี่ยงและบริหารสภาพคล่องระยะสั้น


การจัดสัมมนาครั้งนี้ สะท้อนบทบาทของเมย์แบงก์ในฐานะพันธมิตรทางการเงินที่พร้อมเชื่อมต่อโอกาสระดับภูมิภาคให้แก่นักลงทุนไทย ผ่านข้อมูลเชิงลึกและการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ที่ชัดเจน พร้อมโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะผู้เข้าร่วมงาน เพื่อให้การลงทุนในตลาดหุ้นจีนของปี 2025 มีความมั่นใจยิ่งขึ้นในยุคที่เศรษฐกิจโลกกำลังก้าวสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ


No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad