ปุชชี เรือสำเภาในตำนานจอดเทียบท่าที่ภูเก็ต กระชับความสัมพันธ์ไทย-อิตาลี - Go Ahead News

Go Ahead News

ก้าวไปข้างหน้ากับเรา

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Tuesday, November 12, 2024

ปุชชี เรือสำเภาในตำนานจอดเทียบท่าที่ภูเก็ต กระชับความสัมพันธ์ไทย-อิตาลี

 





เรือสำเภาอันทรงเกียรติสัญชาติอิตาลีที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในโลก  อเมริโก เวสปุชชี (Amerigo Vespucci) เข้าจอดเทียบท่าที่ภูเก็ตเป็นครั้งแรกระหว่างวันที่ 6-10 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยเป็นส่วนหนึ่งของเดินทางรอบโลกรวม  22 เดือน ครอบคลุม 31 ประเทศใน 5 ทวีปตามภารกิจด้านการทูตทางทะเลครั้งสำคัญที่กระทรวงกลาโหมอิตาลีและกองทัพเรืออิตาลีดำเนินการเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และแสวงหาความร่วมมือระหว่างประเทศในหลากหลายมิติ ทั้งด้านความมั่นคงเศรษฐกิจ วัฒนธรรม การท่องเที่ยว และการศึกษา




การเดินทางมาเยี่ยมเยือนของเรืออเมริโก เวสปุชชี ยังเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของจังหวัดภูเก็ตในฐานะศูนย์กลางการเชื่อมโยงด้านการทูต วัฒนธรรม และเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยภูเก็ตเป็นหนึ่งในจำนวนท่าเรือเพียง 8 แห่งของภูมิภาคนี้ที่ได้รับเลือกให้เป็นจุดจอดเทียบท่า เพื่อตอกย้ำภารกิจการเดินทางรอบโลกของเรืออเมริโก เวสปุชชี ในการนำเสนอความเป็นเลิศทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจของอิตาลี ทั้งสุดยอดงานหัตถศิลป์และนวัตกรรมต่างๆ ของประเทศอิตาลี



ในโอกาสนี้ สถานเอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย โดยการนำของ ฯพณฯ เอกอัครราชทูต มร. เปาโล ดีโอนีซี  และสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียนในกรุงเทพฯ โดยการนำของ ข้าหลวงพาณิชย์ มิส เปาลา กุยด้า  รวมทั้งหอการค้าไทย-อิตาเลียนได้ร่วมกันจัดงาน “อเมริโก เวสปุชชี ที่ภูเก็ต” เชิดชูความเป็นเลิศของอิตาลีในมิติต่างๆ ทั้งวัฒนธรรม แฟชั่น อาหาร และธุรกิจ โดยได้รับเกียรติจากแขกผู้มีเกียรติจากหลากหลายภาคส่วนของไทยและอิตาลี ทั้งจากส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น





การเดินทางรอบโลกของเรืออเมริโก เวสปุชชี เป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พร้อมกับส่งเสริมมรดกวัฒนธรรม “Made-in-Italy” ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ในงานประกอบ ด้วยนิทรรศการ ที่นำเสนอ แบรนด์และนวัตกรรมชั้นนำของอิตาลีที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสกับความเป็นเลิศของอิตาลีในด้านต่างๆ เช่น วัฒนธรรมทางทะเล อาหาร เครื่องดื่ม และอื่นๆ 



กิจกรรมที่จัดขึ้นครั้งนี้ สอดคล้องกับสัปดาห์อาหารอิตาเลียนรอบโลกครั้งที่ 9 ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อเผยแพร่ศิลปะการปรุงอาหารอิตาเลียนและไวน์ ทั้งนี้โดยได้รับการสนับสนุนจากหลายองค์กร ได้แก่  Minor Group, Anantara, Avani, Central Group, Phuket Solar, Closer Asia, Gucci, มูลนิธิชัยพัฒนา และนิตยสาร Prestige อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานท้องถิ่น อาทิ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต, สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB), การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TAT), และสมาคมการท่องเที่ยวภูเก็ต (PTA) ทำให้กิจกรรมครั้งนี้ประสบความสำเร็จ และเป็นเวทีแห่งความร่วมมือระหว่างไทยกับอิตาลีที่ยั่งยืนต่อเนื่องไปในอนาคต


ผู้เข้าร่วมงานได้มีโอกาสดื่มด่ำกับรสชาติสุดประทับใจจากอาหาร โดยมีภัตตาคารอิตาลีชื่อดังจากภูเก็ตและทั่วประเทศไทยร่วมกันนำเสนอรสชาติอิตาเลียนแท้ๆได้แก่ Rossovivo – Viva Restaurant, La Napoletana – Casina Rossa, Mario Eleonori Forni-Pizza, Café del Mar, Franco Roma Ristorante, Umberto's Restaurant, Babbo Restaurant, Luca Cini – A Wine Story, Il Tagliere, Pepe Nero, Prego Restaurant, La Bottega del Prosciutto, ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป, Gelati Manzoni  และเชฟไอศกรีมเจลาโต้ชื่อดัง Massimiliano Scotti ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก I-Cream Solutions นอกจากนี้ ยังมีไวน์ งานฝีมือ และอาหารอิตาลีแท้ๆ ระดมกันมาเต็มที่เพื่อให้ได้ลิ้มลองกันถ้วนหน้า


ในส่วนของเครื่องดื่มก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทไทยเบฟ, Aperol, Moet Hennessy Thailand, Sabatini Gin & Tonic, Chalong Bay Rum, Festilia, IC Wine, Independent Wine & Spirit – BANFI, TOPS Wine Cellar, Bangkok Beer & Beverages, Boozia, Italasia และ IHC Hospitality Solutions ที่ระดมเครื่องดื่มชั้นเลิศ จากอิตาลีและนานาชาติ ให้ผู้เข้าร่วมงาน ได้รับประสบการณ์ ที่ล้ำลึกยิ่งขึ้นจากความลงตัว ระหว่างอาหารกับเครื่องดื่ม


การเยือนภูเก็ตของเรืออเมริโก เวสปุชชีในครั้งนี้ สะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างไทยกับอิตาลีที่เติบโตขึ้น  ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม ธุรกิจ อาหาร และการท่องเที่ยว งานนี้ยังได้รับความสนใจอย่างมากจากคนในภูเก็ต ทั้งชาวไทย และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ที่หลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมชมเรือและนิทรรศการในแต่ละวัน แสดงให้เห็นถึงความสนใจและชื่นชมในวัฒนธรรมและนวัตกรรมของอิตาลี เรียกได้ว่า การเยือนภูเก็ตของของเรืออเมริโก เวสปุชชีในครั้งนี้ สร้างความประทับใจทางวัฒนธรรมให้ทั้งกับคนไทยและชุมชนนานาชาติ  

                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                            

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad